Blogger Tricks

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

มาดัดนิสัยน้องแมวก้าวร้าวด้วย 5 วิธีนี้กันเถอะ !!!




             กัดเราบ้าง ขู่เราบ้าง ไม่ว่าเจ้าของแมวคนไหนก็ต้องกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมก้าวร้าวของน้องแมวอย่างเเน่นอน ดังนั้น 5 ข้อต่อไปนี้ อาจจะทำให้น้องแมวลดการเเสดงพฤติกรรมก้าวร้าวลงไปบ้าง

1. เล่นกับน้องแมวให้มากหน่อยๆ

ถ้าเราเล่นกับน้องแมว เเล้วมันกัด หรือขู่เรา นั้นก็แปลว่า เขาชินเเล้วที่จะกัดเราเเล้ว เเต่ก็ยังมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้ได้ คือการเปลี่ยนวิธีเล่น เราควรที่จะเล่นกับเขาด้วยการใช้สิ่งของร่วมด้วย เช่น ไม้ยาวๆ ที่มีลักษณะคล้ายเบ็ดตกปลา อาจจะใช้ลีลาในการเล่นกับเขาด้วย เช่น เเกว่งไปเเกว่งมา เลี้อยขึ้นเสาบ้าง ลงต่ำๆสูงๆ โดนตัวบ้าง เเต่ต้องให้เขาได้สัมผัสไม้นั้นด้วยๆ เขาจะได้ไม่โกทธ ถ้าเราเล่นกับเขาอย่างนี้บ่อยๆ เขาก็จะคิดว่า ไม้เบ็ดตกปลาคือศัตรูของเขา ไม่ใช่มือเรา ขาเรา 

2. สั่งสอนซะบ้าง

สั่งสอนในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ให้ใช้ความรุนเเรงกับเขา เเต่ให้ใช้รางวัลเเทน คือให้รางวัลเป็นอาหารโปรดหรือใช้เสียงของคุณแสดงการยอมรับเมื่อมันทำได้ถูก ต้อง 

3. ขังน้องแมวบ้างเวลาเขาทำความผิด

เช่น เวลาเขาโกทธเราบ้าง ขู่เราบ้าง เราก็ควรจะเอาเขาเข้าไปขังไว้ในที่มืดๆให้เขาสงบสติอารมณ์ลงบ้างก่อน เเล้วถ้าเขาอารมณ์ดีขึ้นเเล้ว เราก็สามารถปล่อยเขามาได้ เเต่ต้องระวังตอนที่เข้าไปอุ้มเขาด้วย


4. การทำหมัน


การทำหมันคือทางออกอย่างหนึ่งที่ทำให้น้องแมวลดพฤติกรรมก้าวร้าวลงไปได้บ้าง เพราะการทำหมันจะลดการหลั่งฮอร์โมนของน้องแมว 





5. การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายไม่เพียงเเค่ช่วยให้น้องแมวมีสุขภาพดีเท่านั้น การออกกำลังกายยังช่วยทำให้น้องแมวมีอารมณ์ที่ดี เเต่เราก็ควรที่จะเล่นด้วยเขาด้วย ไม่เเค่น้องแมวนะที่สุขภาพดี เเละอารมณ์ดี เราผู้ที่เป็นเจ้าของก็มีสุขภาพดีด้วยเหมือนกัน 

          








               ท้ายที่สุดเเล้วถ้าเราใช้ความรัก ความทะนุถนอมในการดูเเลน้องแมว ก็อาจจะทำให้น้องแมวลดพฤติกรรมก้าวร้าวลงไปบ้าง เพราะไม่ว่าเขาจะก้าวร้าวยังไง เขาก็ยังรับรู้อยู่ดีว่าเราเป็นเจ้าของ ของเขา เเละน้องแมวก็ยังรักเราอยู่ดีเเหละ 



มาดู 10 อันดับสายพันธุ์น้องแมวที่น่าเลี้ยงกันเถอะ


                                            

                                         10. เทอร์คิชเเองโกรา  (Turkish Angora)


           
                     มีขนคล้ายเส้นไหมเเละหนาเหมือนขนเเกะ มีตาสีเขียว เเละมีรูปร่างค่อนข้างใหญ่ มีถิ่นกำเนิดมาจากตุรกี (ศตวรรษที่ 16) ว่ากันว่าเป็นแมวพันธุ์ที่ขนยาวที่เก่าเเก่ที่สุด ถือเป็นต้นของตระกูลแมวขนยาว จึงทำให้สมัยนั้น ราชวงศ์อังกฤษ เเละฝรั่งเศสนั้นนิยมใช้เเมวพันธุ์นี้เป็นของขวัญให้เเก่กัน เนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ


9. เเมงส์ (Manx)


        หรือ เรียกกันว่า "บันนี่แคท" เพราะดูแล้วเหมือนกระต่าย เป็นแมวพันธุ์ที่ไม่มีหาง มีกำเนิดในประเทศอังกฤษ ลำตัวกลม ขาสั้น โดยที่ขาหลังจะยาวกว่าขาหน้าเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนกระต่าย เป็นแมวหายากมากพันธุ์หนึ่ง

8. อเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair)


         เป็นแมวที่มีลำตัวขนาดกลาง ถึงใหญ่ เเข็งเเรง มีลักษณะโครงหน้าเป็นรูปไข่เเละมีคางที่ที่ค่อนข้างใหญ๋ชัดเจน จะมีดวงตาที่กลมโต ขอบตาด้านนอกด้านบนจะโค้งลงมา สีของตาเป็นสีเขียว มีถิ่นกำเนิดจากยุโรป เเละถูกย้ายไปที่อมเริกาเหนือ เมื่อตอนที่คนยุโยปในสมัยนั้นพยายามอพยพหาที่อยู่ใหม่


                                                              7. ซอซี (Chausie)


             เป็นแมวที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวบ้านเเละเสือกระต่าย มีความปราดเปรี่ยว ว่องไว เเละมีความสง่างาม ในตนเอง

                                                6. เเร็กดอลล์ (Ragdoll)


            เป็นแมวที่มีลักษณะเหมือนตุ๊กตา คือเวลาอุ้มขึ้นมาก็จะทำตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูก ขนบริเวณเอวแน่นฟู จะมีเสียงร้องที่เบามาก และเป็นแมวที่ชอบความเงียบสงบ ไม่ชองสุสิงกับใครมากนัก เเต่ความรักนี่ยกให้เลย มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมเริกา

                                      

                                                5.ทอยเกอร์ (Toyger)


                              ในประวัติศาสตร์ แมวชนิดนี้เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดย Judy Sudgen เมื่อช่วงปี 1980 นี้เอง เป็นแมวที่เกิดจากการผสมพันธุ์กันระกว่าง แมวสายพันธุ์ Domestic shorthair กับพันธุ์ Bengal เป็นแมวที่มีขนาดกลาง มีลายรอบตัว ที่อุ้งเท้าเเละปลายหางจะมีสีดำ ถือได้ว่าแมวชนิดนี้มีความฉลาด เเละมีลักษณะเหมือนเสือมากที่สุดด้วย

                                                        

                                                           4.เปอร์เซีย (Persian)



                 เป็นแมวที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง แมวเตอร์กิส เเละแองโกร่า กับแมวสายพันธุือื่น มีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีถิ่นกำเนิดจากเปอร์เซีย หรืออิหร่าน


3. อาชีร่า (Ashera)


             เป็นแมวที่มีลักษณะคล้ายเสือดาวมีลักษณะลำตัวยาว ตาสีเหลืองหรือเขียว คอยาวหน่อย มีน้ำหนักมากที่สุดได้ถึง 13.6  ถือได้ว่า แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่ราคาสูงลิบเลยก็ว่าได้ๆ หลักล้านเลย   แมวอาชีร่า เป็นแมวพันธุ์ใหม่ที่คิดค้นผสมพันธุ์โดยทีมงานบริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค ผสมระหว่างแมวป่าแอฟริกัน  แมวเสือดาวเอเชีย (Asian Leopard Cat) และแมวบ้าน เป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของเหล่าไฮโซในอเมริกา


2. แมวทราย (Sand Cat)


        เป็นแมวที่มีลักษณะเล็ก มีความยาวเเค่ 50 เซนติเมตร ปีนป่ายและกระโดดไม่เก่ง แต่เป็นยอดนักขุด ทักษะการขุดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพในสถานที่ของแมวชนิดนี้ สามารถอดน้ำได้เป็นเดือนโดยอาศัยน้ำที่อยู่ในอาหาร มีถิ่นกำเนิดมาจากทะเลทรายซะฮาร่า


1. สก็อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold)


                                











                 เป็นแมวขนาดกลาง เเละมีลำตัวที่กลม คอสั้น ตากลม หูพับขนาดเล็ก มีคางกลมมน จมูกสั้นโค้ง เเละที่สำคัญแมวชนิดนี้มีฉายา Smiling Cat ด้วย มีถิ่นกำเนิดจากสกอตเเลนด์



เเต่ ! แมวไทยของเราก็ไม่เเพ้ชาติใดในโลกนะ ดูนี่ซะก่อน !



แมววิเชียรมาศของเรา ซึ่งคำว่า วีเชียรมาศนี้แปลได้ว่า เพชรเเห่งดวงจันทร์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีถิ่นกำเนิดที่ไทยเรานี่เองๆ


นี่เเหละคือสิ่งที่น้องแมวต้องการ !!!


1. ความเงียบสงบ

ห้ามส่งเสียงดัง เวลาที่อยู่กับน้องแมว เพราะแมวไม่ชอบอะไรที่ช่างที่เสียงดัง เพราะจะทำให้เขาหงุดหงิด เเละเพลอๆอาจจะกัดเราเลยก็ได้

2. ของว่าง

ต้องมีของว่างให้น้องแมวเวลาที่หิวด้วยนะ โดยเฉพาะปลาทาโร่ ไม่ว่าแมวบ้านไหนก็คงจะชอบกินปลาทาโร่อย่างเเน่ๆ  หรือโยเกริ์ตก็ได้นะ


3. ที่นอนนุ่มๆ

อย่าว่าเมื่อตอนที่น้องแมวนอนบนเตียง เพราะเตียงของคนเรามีความนุ่มนิม ซึ่งน้องแมวเป็นสัตว์ที่ชอบอะไรก็ตามที่นุ่มๆนุ่มๆ เเล้วก็ทำการพักผ่อน ดังนั้นถ้าเราไม่อยากให้เขานอนบนเตียง ก็หาซื้อที่นอนสัตว์นุ่มๆให้เขานอน เเค่นี้เขาก็จะนอนที่ๆเราเตรียมไว้ให้เเล้ว เเต่อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดด้วยนะ

4. อย่าใช้ความรุนเเรง


ห้ามตี เมื่อเขาทำผิด เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราตีเขาขึ้นมา เขาก็จะมึนๆ งงๆ ว่าทำไมนะ ทำไมต้องตีเขาด้วย ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเรากำลังโกทธอยู่ เเต่ถ้าเราอยากจะให้เขาหยุดการกระทำนั้นซะ ก็ใช้ปืนฉีดน้ำก็เพียงพอเเล้ว ถ้าฉีดใส่เขาบ่อยๆ เวลาที่เขาทำผิด เขาก็จะรู้ตัวเองดีเลยว่า เขากำลังทำผิดอยู่ เเล้วก็จะไม่ทำอย่างนั้นอีก

5. อาบน้ำ หวีขนให้บ้างก็ได้


น้องแมวถึงแม้จะเป็นสัตว์รักสะอาด เเต่ก็ไม่สามารถที่จะกำจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเขาได้อย่างหมดจด ดังนั้นเราจึงต้องช่วยเขาอีกเเรงในการทำความสะอาดให้เขา สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็พอ อย่าอาบเยอะ เดี้ยวเขาจะไม่สบายซะก่อน เเล้วก็แปรงขนให้เขาด้วยนะ

6. เวลาส่วนตัว

 น้องแมวเป็นสัตว์ที่ต้องการโลกส่วนตัวสูงมาก ดังนั้นเราจึงต้องปล่อยให้เขามีเวลาให้กับตนเองซะบ้าง อย่าเข้าไปอุ้มเขามากไป เพราะถ้าเขาต้องการเรา เขาจะเข้ามาเอง

7. ปลอกคอ

ปลอกคอของน้องแมวนั้นเเสดงถึงความเป็นเจ้าของ คือน้องแมวตัวนี้มีเจ้าของเเล้วนะ ถ้ามีใครพบเจอเขาหลงไปที่ไหนก็ช่วยฏทรบอกเจ้าของได้อย่างทันที ดังนั้นปลอกคอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับน้องแมวเป็นอย่างมาก

8. ความรัก


เราควรที่ให้ความรักกับน้องแมวอย่างสม่ำเสมอ เช่นเล่นกับเขาวันละ 30 นาทีเอง อุ้มเขาบ้าง ทำอาหารให้เขากินเอง เพราะจริงๆเเล้ว น้องแมวก็เป็นสัตว์ที่เหงาเป็นเหมือนกันนะ ดังนั้นอย่าปล่อยให้เขาเหงาจนออกไปเที่ยวนอกบ้านละ เดี้ยวจะติดเชื้อโรคมา เเล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ เล่นกับเขา หาของที่ดึงดูดใจให้เขาอยู่เเต่ในบ้าน

มาดูการฉีดวัคซีนเเละตรวจสุขภาพของน้องแมวกัน




1. ควรจะนำลูกแมวที่มีอายุได้ 3-4 สัปดาห์เเรกมา ตรวจสุขภาพอเเละถ่ายพยาธิ
2. พอลูกแมวมีอายุครบ 6 สัปดาห์ ก็ควรที่จะหยอดยาป้องกันโรคพยาธิหัวใจ
3.ลูกแมว 8 สัปดาห์ ควรจะฉีดวัซีนป้องกันโรคไข้หัด โรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โรคลิ้นอักเสบเเละโรคช่องปาก
4. ครบ 9 สัปดาห์ ก็นำลูกแมวมาฉีควัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย
5. พอครอบ 12 สัปดาห์ ฉีควัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในแมว
6. 13สัปดาห์ นำมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัด โรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โรคช่องปากและลิ้นอักเสบ ครั้งที่ 2
7. ครบ 14 สัปดาห์ ก็นำมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียอีก ครั้งที่ 2
8. 16 สัปดาห์ นำมาเพื่อหยอดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ (FIP) ครั้งที่ 1 (หยอดทางจมูก)
9. ครบ 19 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน ก็นำน้องแมวมา หยอดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ (FIP) อีก ครั้งที่ 2 (หยอดทางจมูก)
10. หลังจากนั้น ก็ทุกๆ 6 เดือนให้มาตรวจสุขภาพ ถ่ายพยาธิ อย่างเป็นประจำ
11.ทุก 1 ปี  ก็นำมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัด โรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โรคช่องปากและลิ้นอักเสบ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย หยอดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ (FIP) เเละ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เหมือนเดิม


*** อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามที่สัตวเเพทย์สั่ง

ข้อที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

- ควรจะทำหมันน้แมวเมื่ออายุ 1 ปี
- แมวโตเเล้วที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียมาก่อน ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อหาโรคลิวคีเมียก่อนการทำวัคซีนอื่นๆ       ด้วย
- ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจอยู่เป็นประจำ

                ท้ายที่สุดเเล้ว การพาน้องแมวของคุณไปฉีดยาอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้น้องแมวของคุณมีสุขภาพที่ดีๆ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเห็นน้องแมวของเรามีสุขภาพที่ดกันทั้งนั้นเเหละเนอะๆ เเต่อย่าลืมพาพวกเขาไปฉีดยา เเละตรวจสุขภาพตามที่สัตวเเพทย์สั่งด้วยนะๆ เพื่อประสิทธิภาพของวัคซีนด้วยๆ อย่าลืมเลี้ยงเขาด้วยความรักด้วยล่ะๆ.


    

อาบน้ำให้น้องแมวอย่างถูกวิธี



         


         ไม่ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่สะอาด สามารถ เลียตัวเองได้ เเต่ก็ยังต้องอาบน้ำอยู่ดี เพื่อชำระสิ่งสกปรกต่างๆที่เขาไม่สามารถทำความเองได้

1. ควรจะอาบน้ำให้น้องแมวในวันที่มีเเดดอ่อนๆ เพราะอาการเย็นหรือชื้นนั้นอาจจะทำให้น้องแมวเป็นหวัด หรือปอดบวมได้

2. ใช้น้ำอุ่นอาบ อย่าอาบในที่โล่งมากนัก เช่นห้องน้ำนี่กำลังดีเลย

3. ใช้มือจับบริเวณหนังตรงคอ เเล้วค่อยๆเอามือวักน้ำลูบตัวเขา ให้เปียกตั้งเเต่ช่วงลำคอลงมาถึงลำตัว เว้นที่หัวกับหน้าไว้

4. เทชมพูผสมกับน้ำที่เตรียมไว้ก่อนเเล้ว ทำเบาๆ เเต่เร็ว เพราะแมวเปียกนานไม่ได้ ถ้าจะใส่ครีมบวดก็ควรจะผสมน้ำ เเล้วตีให้เป็นฟองไว้ก่อน 

5. พอสะอาดเเล้ว ก็ค่อยๆเอาน้ำอุ่นมาลูบตัวเขาอย่างเบาๆ อย่าราดเลย เพราะน้องแมวอาจจะตกใจได้ 

6. เสร็จเเล้วก็นำผ้าขนหนูเช็ดตัวน้องแมวเบาๆ เเล้วเอาไดร์เป่าผมเป่าให้ อย่าปรับความร้อนของไดร์มากเกินไป เเละเว้นระยะห่างให้พอเหมาะ

7.อย่าลืมที่จะนำคอตตอนบัดเช็ดบริเวณรอบหู ในหู เเละตัดเล็บส่วนที่เเหลม เเละสกปรกทิ้งด้วย 

                  อาบครั้งเเรกอาจจะขัดขืน เเล้วโวยวายไปบ้างนะ เเต่ถ้าอาบไปซักครั้งสองครั้ง น้องแมวก็จะเริ่มชิน เเละเพลอๆ เขาอาจจะชอบอาบน้ำเลยก้ได้ ถ้าเราอาจถูกวิธี เเละไม่ทำให้เขากลัว เเต่ก็อย่าลืมนำแปรงหวีขนมาหวีให้เขาทุกๆวัน หรืออาทิตย์ละ 2-3 ครั้งด้วย เเค่นี้น้องแมวก็จะสะอาด เเละมีสุขภาพขนที่ดีเเล้วละ


4 วิธีที่ทำให้น้องแมวเเละน้องสุนัขเป็นเพื่อนกันได้


                       


                        นานแสนนานมาแล้วที่สุนัขและแมวไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้ มีวิธีที่ง่ายนิดเดียวที่สามารถทำให้สุนัขและแมวสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ และมีความสุข

1.กรรมการ   


                      จริงๆแล้วสุนัขและแมวก็มีอคติกันตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะตอนเจอกันครั้งแรกเเล้วยิ่งไปใหญ่ เพราะอาจจะเกิดศึกขึ้นมาได้ เเละนี่เเหละคือเหตุผลที่เราควรจะเป็นกรรมการให้พวกเขาชั่วคราว เพื่อคอยห้ามปรามทั้งสองตัว แล้วพวกมันก็จะเกรงใจและหยุดไป หลังจากนั้นพวกมันก็จะชินที่จะอยู่ด้วยกันไปเอง 


 2.เพิ่มสุนัข


          
                 ถ้าคุณเลี้ยงแมวอยู่ก่อนแล้ว แต่อยากจะหาสุนัขมาเลี้ยงเพิ่มก็ควรให้ทั้งสองตัวทำความรู้จักกันเสียก่อน โดยการนำทั้งสองตัวมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ ซะเลย เจ้าสุนัขจะได้รู้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีมันเพียงตัวเดียวแต่ต้องอยู่ร่วมกับแมวด้วย แรก ๆ ที่เจอกันอาจจะยังเขม่นกันอยู่ ฉะนั้นคุณก็ควรหาที่ซ่อนตัวเผื่่อเกิดเหตุฉุกเฉินเอาไว้ด้วย แต่ถ้าพวกมันคุ้นหน้ากันแล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ

 3. เพิ่มแมว



               สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้ วันดีคืนดีก็อยากได้ตัวนุ่มๆหอมๆมกอดล่ะก็ ก็ควรรู้จักพฤติกรรมสุนัขของคุณให้ดีซะก่อน หากสุนัขของคุณเป็นสุนัขแสนเชื่องเชื่อฟังคุณทุกอย่างแบบนี้ก็สามารถเลี้ยงแมวเพิ่มอีกตัวได้ แต่ถ้าสุนัขของคุณเป็นสุนัขประเภทที่ดื้อ และไม่ค่อยเชื่อฟังเสียเท่าไร ก็จะยากหน่อยนะที่จะนำแมวเข้ามาเลี้ยงด้วยกัน


 4. แนะนำตั 


                 เราควรจะนำพวกเขาเข้ามารู้จักกันตั้งแต่พวกเขายังเป็นละอ่อนจะยิ่งดี เพราะพวกเขาจะสามารถเข้ากันได้ดีกว่า และคุ้นเคยกลิ่นกันได้ดีกว่า แต่ถ้าโตๆกันแล้วก็ ควรจะเปิดประตูไว้สักนิดเพื่อให้เขาได้ทำความรู้จักกัน แล้วสังเกตุดูว่าถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถให้เขาลองทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิมได้ หรือไม่ก็ขังน้องสุนัขหรือน้องแมวเอาไว้ แล้วให้พวกเขาดมกันจนชิน แล้วก็ปล่อยให้เผชิญหน้ากันสักแปบหนึ่ง



                   แค่นี้แหละ พวกเขาก็เข้ากันได้แล้ว ไม่ว่าคุณอยากจะเลี้ยงสุนัขหรือแมวเพิ่ม ก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไปเเล้ว และหวังว่า 4 ข้อนี้ง่ายๆนี้จะทำให้มีเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นอีกนะ สุดท้ายที่สุดเลยคือ เราควรจะให้ความอบอุ่นกับพวกเขาทั้งสุนัขและแมวให้อบอุ่นเท่าๆกันด้วย






วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพน้องแมว



1. ควรพาลูกแมวอายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ ไปเริ่มฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดต่อสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หัดแมว โรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงการถ่ายพยาธิในลำไส้  นอกจากนี้ควรจะป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจเอาไว้ด้วย และควรกำจัดหมัดและไรในหูด้วยการหยดยาเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
2. การเลี้ยงแมวนั้น เราควรจะสอนให้เขาอยู่แต่ในบ้าน ไม่เที่ยวกลางคืน เพราะจะสามารถติดเชื้อโรคติดต่อต่างๆได้ เช่น โรคหัด เอดส์

3. การเลือกอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมให้กับลูกแมวเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรให้อาหารเม็ดสลับกับอาหารเปียก จะเลือกแบบที่เป็นกระป๋องหรือที่ผู้เลี้ยงปรุงเองก็ได้ หากเลือกแบบสำเร็จรูป ควรเลือกอาหารที่ให้คุณประโยชน์ครบถ้วน แนะนำแบบที่ทำจากปลาแท้ๆ มีโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยบำรุงขนให้สวย มีสุขภาพผิวที่ดี แถมยังมีแคลเซียมเพื่อกระดูกและฟันที่แข็งแรง และมีทอรีนเพื่อดวงตาสดใส โดยต้องเลือกให้เหมาะกับขนาดและช่วงวัยของแมว และที่สำคัญอย่าลืมให้แมวได้กินน้ำอย่างเพียงพอด้วย

4. การทำหมันให้น้องแมว ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมียควรจะทำตั้งแต่เล็กๆ อายุ 4 เดือนขึ้นไป เพื่อลดพฤติกรรมก้าวร้าวในการหวงอาณาเขต หรือการต่อสู้ในฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งการทำหมันในตัวเมียยังช่วยลดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วยที่สำคัญก็ยังช่วยลดการออกไปเที่ยวนอกบ้านในแมวเด็กได้ด้วย

5. ไม่ควรเลี้ยงแมวไว้ในที่เดียวกันมากเกิน 3 ตัว เพราะน้องแมวจะทะเลาะกัน หรือแมวไม่ได้รับการดูแลทั่วถึง จนอาจป่วยและไม่แสดงอาการ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และเผยแพร่เชื้อโรคไปยังแมวตัวอื่นๆ ได้ ดังนั้น การเลี้ยงแมวในบ้านควรเลี้ยงไม่เกิน 3 ตัว เพื่อคุณจะได้ดูแลสุขภาพและให้ความรักได้อย่างทั่วถึง



 
Blogger Templates